เมื่อเหตุการณ์น้ำท่วมผ่านไป สิ่งที่ทิ้งไว้ให้เจ้าของบ้านต้องจัดการคือความเสียหายที่เกิดกับโครงสร้างและตัวบ้านโดยเฉพาะผนังที่ถูกน้ำท่วม สิ่งที่มักพบเจอบ่อยครั้งคือสีที่หลุดลอก ผนังที่เปื้อนคราบน้ำ และเกิดเชื้อรา ทำให้บ้านดูไม่สวยงามดังเดิม การทาสีบ้านใหม่หลังน้ำท่วมอาจจะดูเหมือนเป็นงานใหญ่ แต่ด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง คุณสามารถทำให้บ้านกลับมาสวยงามเหมือนใหม่อีกครั้งได้ทั้งการลงมือทำด้วยตัวเองและการใช้บริการทำความสะอาด บริการทาสีบ้าน อาคาร
ในบทความนี้เราจึงอยากจะมาแชร์ 5 เทคนิคที่คุณสามารถใช้ในการทาสีบ้านหลังน้ำท่วมในปี 2025 ที่จะช่วยให้บ้านของคุณดูดีเหมือนใหม่ ดังนี้
1. ตรวจสอบสภาพความเสียหายของผนังและพื้นผิวบ้าน
ก่อนที่คุณจะเริ่มทาสีบ้านหลังน้ำท่วม สิ่งแรกที่ควรทำคือการตรวจสอบสภาพความเสียหายของผนังภายในและภายนอกอย่างละเอียด ความเสียหายอาจรวมถึงการหลุดลอกของสี การแตกร้าวของผนัง หรือความเสียหายที่เกิดจากเชื้อราและความชื้น ซึ่งความชื้นนั้นเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้สีหลุดร่อนหรือลอกได้ง่าย และหากพบความชื้นบนผนัง ควรปล่อยให้ผนังแห้งสนิทก่อนที่จะเริ่มการทาสีใหม่ เนื่องจากการตรวจสอบนี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของการซ่อมแซมที่ต้องทำ และทำให้การเตรียมผนังสำหรับการทาสีบ้านเป็นไปได้อย่างราบรื่น
2. ทำความสะอาดและขจัดคราบเชื้อราที่ติดอยู่ที่ผนังบ้าน
หลังจากตรวจสอบความเสียหายของผนังแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการทำความสะอาดผนังให้เรียบร้อย โดยเฉพาะคราบน้ำและคราบเชื้อราที่อาจเกิดขึ้นหลังจากน้ำท่วม สำหรับคราบเชื้อราสามารถใช้สารละลายฟอกขาวผสมน้ำในอัตราส่วน 1 ต่อ 3 ในการขจัดคราบ โดยใช้แปรงขัดผิวที่มีเชื้อราออกให้หมด หากไม่ทำความสะอาดผนังให้เรียบร้อยก่อนทาสีใหม่ สีที่ทาจะไม่ยึดเกาะผนังได้ดีและอาจหลุดลอกในภายหลังได้ง่ายเช่นกัน
3. การเตรียมพื้นผิวบ้านก่อนทาสี
การเตรียมพื้นผิวก่อนการทาสีเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยหลังจากทำความสะอาดแล้ว ควรทำการขูดสีเก่าที่หลุดลอกออกให้หมด ด้วยการใช้เกรียงหรือกระดาษทรายในการขัดผิวเพื่อให้พื้นผิวเรียบเสมอ เพราะการเตรียมพื้นผิวบ้านที่ดีจะช่วยให้สีใหม่สามารถยึดเกาะผนังได้ดียิ่งขึ้นและป้องกันการเกิดปัญหาในภายหลัง
หากผนังมีรอยแตกร้าวเล็ก ๆ ควรใช้วัสดุอุดรอยแตกร้าวในการซ่อมแซมเพื่อให้พื้นผิวเรียบเสมอ หลังจากนั้นควรทารองพื้นเพื่อเพิ่มความแข็งแรงในการยึดเกาะของสี และช่วยป้องกันไม่ให้ผนังดูดซับน้ำหรือความชื้น ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดเชื้อรา
4. เลือกใช้สีที่ทนต่อความชื้นและเชื้อรา
หนึ่งในเทคนิคสำคัญในการทาสีบ้านหลังน้ำท่วมคือการเลือกใช้สีที่มีคุณสมบัติทนต่อความชื้นและเชื้อรา เช่น สีทาบ้านของ TOA เพราะสีประเภทนี้มีสารเคมีที่ช่วยป้องกันการเกิดเชื้อราและป้องกันไม่ให้ความชื้นซึมเข้าไปในผนัง สีที่เลือกควรเหมาะกับสภาพอากาศและพื้นที่ที่มีโอกาสเจอกับความชื้นสูง เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว หรือพื้นที่ใต้ดิน โดยการใช้สีที่เหมาะสมจะช่วยยืดอายุของสีและลดความเสียหายที่อาจเกิดจากความชื้นในอนาคต
5. ทาสีอย่างถูกวิธีและถูกขั้นตอน
การทาสีบ้านให้สวยงามและยาวนานนั้นไม่เพียงแค่เลือกสีที่ดีเท่านั้น แต่ยังต้องทาสีให้ถูกวิธีด้วย โดยขั้นตอนการทาสีควรเริ่มจากการทารองพื้นก่อนเพื่อเพิ่มการยึดเกาะ จากนั้นจึงทาสีจริงตามจำนวนรอบที่แนะนำ ซึ่งส่วนใหญ่จะทาสีจริงอย่างน้อยสองรอบเพื่อให้สีมีความเข้มและสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ควรระมัดระวังไม่ทาสีในวันที่มีความชื้นสูงหรือฝนตก เพราะอาจทำให้สีไม่แห้งสนิทหรือแห้งไม่สม่ำเสมอ รวมถึงควรใช้ลูกกลิ้งและแปรงทาสีที่มีคุณภาพดีเพื่อให้การทาสีเป็นไปอย่างราบรื่นและได้ผลงานที่สวยงาม
การทาสีบ้านหลังน้ำท่วมให้กลับมาสวยงามเหมือนใหม่นั้นไม่ใช่เรื่องยากหากคุณใช้เทคนิคที่ถูกต้อง เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้บ้านของคุณมีผิวผนังที่ดูสวยงามและยาวนาน รวมถึงป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะปัจจุบันการทาสีบ้านหลังน้ำท่วมไม่ใช่เพียงแค่การฟื้นฟูความสวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็นการซ่อมแซมและป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม การดูแลอย่างละเอียดทุกขั้นตอนจะทำให้บ้านของคุณไม่เพียงกลับมาดูดีเหมือนใหม่ แต่ยังทนทานต่อสภาพแวดล้อมและปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งหากคุณไม่ต้องการเสียเวลาและแรงงานการเลือกใช้บริการทาสี หรือบริการทำความสะอาดบ้านหลังน้ำท่วมถือเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก